วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การวัด
รากฐานของวิทยาศาสตร์
ในสมัยโบราณไม่มีใครทราบถึงความสำคัญ และคุณค่าของการวัด ไม่มีใครนึกเลยว่าถ้าไม่มีการวัดขนาด น้ำหนักระยะทาง ฯลฯ และนำมาเปรียบเทียบกันแล้ว เราจะไม่รู้สาเหตุของปรากฏการณ์ต่างๆ ได้เลย ในสมัยก่อนมนุษย์คิดว่าแผ่นดินไหว ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง เป็นการกระทำของพระเจ้าหรือเทพยดา ต่างคนต่างก็มีความสุข และมีความพอใจในการเคารพบูชายัญต่อเทพยดา ผู้ซึ่งทำให้เกิดแผนดินไหว แต่อย่างไรก็ตาม โดยความจำเป็นแท้ๆ ที่ทำให้มนุษย์สมัยโบราณต้องศึกษาเกี่ยวกับการวัด เมื่อเริ่มโดยวิธีนี้ การตั้งปัญหาถามตนเอง หาเหตุ หาผล จึงเกิดขึ้นตามมา
ในสมัยอียิปต์โบราณ การวัดพื้นที่ เป็นเรื่องทำให้เกิดปัญหาอย่างมากมาย สำหรับผู้ที่ทำมาหากินอาศัยที่ดินบนสองฝั่งแม่น้ำไนล์ เพราะทุกๆ ปีน้ำจะเอ่อจนล้นท่วมที่ดินทั้งสองฝั่งหมด ภายหลังน้ำลดชาวนาและเจ้าของที่ดินพากันกลับลงไปยังที่ดิน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นของตน ทุกปีพระชาวอียิปต์จะต้องเป็นผู้ไปช่วยไกล่เกลี่ยในกรณีที่มีการถกเถียงกันในเรื่องที่ดิน ว่าของใครอยู่ตรงไหน ด้วยปัญหาเช่นนี้ การศึกษาและวิทยาการเกี่ยวกับการรังวัดแบ่งเขตที่ดิน และวิชาเรขาคณิตจึงได้เริ่มขึ้นที่ประเทศอียิปต์ และเริ่มขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ เนื่องจากความจำเป็นในการแบ่งที่ดินโดยแท้

การวัดเป็นรากฐานสำคัญยิ่งในวิชาฟิสิกส์ การวัดทำให้เราทราบสมบัติ และความสัมพันธ์ทางฟิสิกส์ เนื่องจากเหตุนี้จึงได้มีการคิดค้นเครื่องมือสำคัญหลายชนิดเพื่อช่วยในการวัด ทุกคนคงจะรู้จักไม้บรรทัด ไม้เมตรและแถบเมตรดี แต่หลายคนคงไม่เคยนึกเลยว่า ก่อนที่มีมนุษย์จะตกลงใช้มาตรฐานเกี่ยวกับการวัดเป็นอย่างเดียวกันนี้ ต้องเสียเวลาอยู่นานมาก ในคัมภีร์ไบเบิลมีจารึกไว้ว่าวัดความยาวของส่วนข้างของหน้าของโซโลมอนเป็น คิวบิต (cubit) 1 คิวบิต คือระยะทางจากปลายนิ้วกลางถึงข้อศอก สำหรับความยาวที่สั้นกว่านี้ ใช้ความกว้างของนิ้วมือ บางครั้งก็ใช้ความกว้างของผ่ามือ แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับคนร่างเล็ก ร่างใหญ่ จึงมิได้เป็นมาตรฐานที่เชื่อถือได้



ความยาว 1 ฟุต
จากสารานุกรมวิทยาศาสตร์ ของสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ที่มา http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/71/2/index.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น